วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การประเมินอาจารย์ผู้สอนวิชานี้

1. ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชานี้
   : ได้เรียนรู้เกี่ยวกับปรัชญาของการศึกษาในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนได้ และทราบถึงมุมมองของการศึกษาในประเทศต่างๆในอาเซียน อีกทั้งยังได้ทราบเกี่ยวกับ พรบ.การศึกษาด้วย

2. ข้อดีและข้อเสียของการนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
   : ข้อดี คือ สามารถเรียนรู้และทำงานได้สะดวกแม้ไม่ได้อยู่ในห้องเรียน และสามารถที่จะเผยแพร่ความรู้ที่เรามีให้กับผู้อื่นได้  ข้อเสีย คือ การใช้อินเตอร์เน็ตในการเข้าบล็อก เนื่องจากบางครั้งเกิดปัญหา ทำให้การเรียนรู้หรือทำงานชะงักหรือล่าช้า

3. ความรู้สึกต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เว็บบล็อก
   : รู้สึกแปลกใหม่ เพราะไม่เคยเรียนผ่านการทำเว็บบล็อก ทำให้รู้สึกว่าอินเตอร์เน็ตมีประโยชน์มากมายขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล

4. ประเมินอาจารย์ผู้สอน
   : เกรด A เพราะการจัดการเรียนการสอนของอาจารย์มีความทันสมัย คือ นำเทคโนโลยีมาใช้เป็นสื่อในการสอน และนำวิดีโอมาเป็นสื่อการเรียนรู้ในกับนักศึกษา ทำให้ไม่น่าเบื่อ

ครูในดวงใจ

ชื่อ นางสาวกัลยา กาดเส็น  
เกิดวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
ภูมิลำเนาอยู่ที่ หมู่บ้านลาหงา ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล
สอนวิชา "คณิตศาสตร์"
จบจาก สถาบันราชภัฏยะลา ในปี พ.ศ.2547
ก่อนรับราชการสอนที่ โรงเรียนสตูลศานติศึกษา อำเภอละงู จังหวัดสตูล
บรรจุเข้ารับราชการ ตอนอายุ 28 ปี ณ โรงเรียนบางรูป อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ปัจจุบันสอนอยู่ที่ โรงเรียนเพียงหลวง 4 อำเภอละงู จังหวัดสตูล
แนวการสอน : ครูจะต้องเป็นกลาง ให้ความสำคัญกับเด็กในทุกๆระดับ สอนโดยใช้รูปแบบเพื่อนสอนเพื่อน ให้เด็กที่เก่งเป็นตัวหลัก ผลักดันในเด็กเกิดความเป็นผู้นำ เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง กล้าคิดกล้าทำ อีกทั้งยังทำให้มีความรู้ที่มีนั้นมั่งคงอยู่นาน เนื่องจากความรู้นั้นมาจากความเข้าใจ และรูปแบบนี้ยังช่วยลดช่องว่างระหว่างครูกับลูกศิษย์มากขึ้น คือ เด็กที่เป็นตัวหลักจะชักจูงเพื่อนให้เข้าหาครูมากขึ้น และจะลดพฤติกรรมการเป็นคนเก่งที่เห็นแก่ตัวของเด็กเก่งด้วย และในการสอนจะต้องอธิบายโดยประยุกต์กับชีวิตประจำวัน ใช้สื่อต่างๆมาประกอบในการสอน ทั้งสื่อใบงาน(แบบฝึกหัดต่างๆ) สื่อของจริง(รูปทรงจำลองต่างๆ เกมส์ต่างๆ) และสื่อบุคคล ซึ่งครูก็นับว่าเป็นสื่อบุคคลด้วย นอกจากนี้จะต้องให้เด็กได้ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง เพราะเด็กจะได้เกิดความคิดที่แปลกใหม่ ได้แก้ปัญหาด้วยตัวเอง และอาจจะส่งผลให้เด็กกระตือรือร้นในการเรียนมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่เด็กไม่ฟัง หรือไม่ตั้งใจเรียน ควรค่อยๆดึงความสนใจของเด็กหรือให้เด็กพักสักครู่แล้วค่อยสอนต่อ

วีดีโอการศึกษา

1. ชื่อเรื่อง : ผมเกลียดโรงเรียน
    ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : - การศึกษา คือ กุญแจ

- หลายคนที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัยก็สำเร็จได้ เช่น สตีฟ จ๊อปส์, มาร์ค เซเคิลเบิร์ก, บิลเกตต์ เป็นต้น
- หลายครั้งที่โรงเรียนกำหนดกรอบทางความคิดให้เรา หากใครคนใดออกออกกรอบจะกลายเป็นว่าผิด ทั้งๆที่โรงเรียนได้กล่าวไว้ว่าจะเป็นมุมมองทางความคิดของเด็กๆ
- การศึกษาเกิดจากการจุดประกายความคิด ไม่ใช่การที่จะยัดเยียดอะไรลงไปก็ได้ในสมอง
- บางครั้งมหาวิทยาลัยก็ทำให้เรากลายเป็นซอมบี้ที่ปั่นงานโต้รุ่งกันแทบตาย แทนที่จะได้ไล่ตามความฝัน
- การศึกษาไม่ใช่การท่องจำ หรือทำตามใครๆ เพื่อให้สอบผ่านไปวันๆ
    ข้อคิดที่ได้ : การจุดประกายทางความคิดนั้นไม่มีกรอบ
2. ชื่อเรื่อง : สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)
    ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : - ทางที่จะไปสู่ความสำเร็จไม่ได้ผ่านมาอย่างง่ายดาย

- ความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ชอบ อาจมีประโยชน์กับเราในอนาคต
- เราไม่มีวันเชื่อมต่อจุดต่างๆในชีวิตด้วยการมองไปข้างหน้า แต่มันกลับเกิดจากการมองย้อนกลับไปข้างหลังเท่านั้น ดังนั้นเราจะต้องเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ มันจะเชื่อมต่อกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
- จุดเริ่มต้นของความสำเร็จไม่ได้ใหญ่เสมอไป
- การทำในสิ่งที่รัก จะทำให้เราก้าวต่อไปในสิ่งนั้นได้ และสิ่งนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เรา
- จงใช้ชีวิตเสมือนว่าจะตายในวันพรุ่งนี้
- เวลาของเรามีจำกัด ดังนั้นจงกล้าที่จะทำตามแรงที่เราปรารถนาและสัญชาติญาณ
    ข้อคิดที่ได้ : อยู่อย่างกระหายและเรียนรู้อยู่เสมอ

3. ชื่อเรื่อง : บิลเกตต์
    ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : - ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก เพราะฉะนั้นทำความเคยชินกับมันซะ
- โลกนี้คาดหวังความสำเร็จจากความมั่นใจของคุณเท่านั้น
- ไม่มีทางที่คุณจะได้รับเงินเดือนสูงๆทันทีที่จบมัธยม
- ถ้าคิดว่าอาจารย์สอนเรื่องที่น่าเบื่อ ก็ลองออกไปทำงานดูสิ แล้วคุณจะรู้เอง
- การคิดคำแสลงไม่ใช่เรื่องผิด
- ชีวิตที่ยุ่งเหยิงไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ และจงเรียนรู้จากสิ่งที่ได้พลาดไปแล้ว
- ถ้าคิดจะทำเรื่องใหญ่ ให้ใส่ใจเรื่องเล็กๆก่อน
- มีโอกาสมากมายสำหรับทุกคนในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
- ชีวิตไม่มีการแบ่งเป็นเทอม และไม่มีการพัก
- สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ไม่ใช่เรื่องจริง
- จงเป็นมิตรกับความเนิร์ด แล้วชีวิตคุณจะไม่เป็นลูกจ้างใครอีกต่อไป
    ข้อคิดที่ได้ : ให้มองโลกจากความเป็นจริงและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆด้วยความกระตือรือร้น
4. ชื่อเรื่อง : อิชิตัน
    ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : - เริ่มทำจากสิ่งเล็กๆง่ายๆแล้วค่อยๆพัฒนาเพิ่มขึ้น
- เวลาเจออุปสรรค จะต้องหาสิ่งที่เป็นแรงผลักดันเพื่อที่จะได้สู้ต่อไป
- จะต้องใส่ใจกับคนที่เป็นลูกค้า แล้วเราจะได้รับการตอบรับที่ดี
- อย่ารอโอกาส แต่จงสร้างโอกาสให้กับตนเองจากทุกๆทาง
- การมีพื้นฐานจะทำให้เราสามารถต่อยอดได้
    ข้อคิดที่ได้ : ให้เราพยายามที่จะสร้างโอกาสให้กับตน แม้ว่าจะเป็นโอกาสเล็กๆก็ตาม

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การศึกษาโลก

  • คุยกับดำรง พุดตาล - ประเทศไทยไม่มีการวางแผนการศึกษาที่ชัดเจนและไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการศึกษามากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ได้ให้งบประมาณด้านการศึกษาเป็นอันดับที่ 1 แต่ประเทศไทยนั้นจัดให้งบประมาณด้านการศึกษาอยู่ในอันดับที่ 9 ด้วยเหตุนี้ทำให้การศึกษาไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ในระดับอาเซียน และการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยนั้นก็ไม่ได้ร่างหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมในปัจจุบัน ดังนั้น ณ ตอนนี้ประเทศไทยจะต้องเริ่มตระหนักถึงการพัฒนาการศึกษาอย่างจริงจัง  - โดยส่วนใหญ่ผู้ปกครองมักส่งเด็กไปเรียนยังโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับอำเภอหรือระดับจังหวัด ซึ่งเหตุนี้เกิดจากการไม่ทัดเทียมกันของการศึกษา และศักยภาพของครูก็เป็นสิ่งสำคัญ และควรส่งเสริมในเรื่องของการอ่าน เพราะการอ่านนั้นจะช่วยส่งเสริมด้านจินตนาการ

  • ขับเคลื่อนการศึกษาไทยสู่ประชาคมอาเซียน - การที่จะพัฒนาการศึกษานั้นจะต้องเริ่มจากการปรับความเข้าใจด้านการศึกษาตั้งแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องระดับสูงตลอดจนถึงผู้ปกครองและผู้เรียนด้วย ซึ่งการศึกษานั้นคือพลังในการขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังเป็นโอกาส เป็นบันไดให้เราไต่เต้าไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น การศึกษานั้นจะต้องศึกษาตลอดชีวิต เพื่อเป็นคนที่มีศักยภาพและนำมาปรับใช้ในชีวิต โดยการสอนการคิด, วิเคราะห์ให้แก่ผู้เรียน อย่าสอนเพียงแค่การท่องจำ เพราะปัจจุบันโลกต้องการบุคคลที่ทำหลายๆอย่างพร้อมกันได้  - ในปัจจุบัน โลกยังประสบปัญหาการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญและไม่กล้าแสดงออกถึงส่วนที่มี ต่างจากประเทศต่างๆที่มีพยายามหาหนทางเพื่อแก้ไขปัญหา และความกระตือรือร้นในการแสดงส่วนดีของตนมากขึ้น เช่น ประเทศมาเลย์เซียมีการผลักดันให้คนที่อยู่ในระดับกลางมีความกล้าที่จะแสดงออกทางความคิดมากขึ้น เพื่อให้ได้ความคิดที่หลากหลาย ตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่เริ่มขวนขวายสิ่งที่ต่างชาตินำมาเสนอมากจนเกินไป อีกประการหนึ่ง คือ ประเทศไทยนั้นมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้คนไทยหลงว่าการมีมาก ใช้มาก บริโภคมาก เก็บมาก นั้นคือ สิ่งที่ดี ทำให้เราควบคุมธรรมชาติเพื่อสนองความต้องการของตน ทั้งที่ความต้องการของมนุษย์นั้นไม่มีจุดสิ้นสุด ต่างจากในอดีตที่ตะวันตกมีแนวคิดที่จะควบคุมธรรมชาติ และตะวันตกนั้นมีคำสอนให้ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ- อาเซียนจัดตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์ให้ผู้คนหันเข้าหากัน ให้อยู่กันอย่างสามัคคี ประคับประคองให้มีสิ่งแวดล้อมและสุขภาพพลานามัยที่ดี ให้เข้าใจกัน และให้แลกเปลี่ยนความรู้กันและกัน โดยตั้งอยู่บน 3 เสาหลัก คือ มีค่านิยมร่วมกัน มีความมั่งคง และมีความสามัคคี อาเซียนเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสทางการประกอบอาชีพ 8 สาขา ได้แก่ แพทย์, ทันตแพทย์, พยาบาล, นักบัญชี, นักสำรวจ, วิศวกรรม, สถาปัตยกรรม และการบริการ ดังนั้นการเตรียมตัวเข้าสู้อาเซียนของคนไทยนั้น จะต้องเปลี่ยนแนวคิดในด้านต่างๆให้มีเหตุผลมากขึ้น พัฒนาด้านภาษาต่างประเทศอย่างจริงจัง สร้างความเป็นเลิศทางงวิชาการ ลดการนิยมทางวัตถุให้น้อยลง และที่สำคัญคือ อย่าจำกัดจุดยืนสูงสุดของตัวเอง
     "จงปีนป่ายภูเขาทุกลูก เดินทวนกระแสน้ำ ตามสายรุ้งทุกสาย จนกว่าเธอจะพบความฝันของเธอ"
    ภาพยนตร์เรื่อง The sound of music

  • การศึกษาไทยในประชาคมอาเซียน - ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของอาเซียน คือ อยู่ตรงกลางท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรม และยังเป็นจุดที่เปิดรับกระแสโลกาภิวัฒน์จากทุกทิศทาง  - อาเซียนเป็นการเปิดโอกาสให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ทำให้ช่องว่างทางการเงินระหว่างสมาชิกในอาเซียนลดลงและตั้งการพัฒนามาตรฐานให้เทียบเท่าสากล ซึ่งตอนนี้หลายบริษัทได้ทำการขยายธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ใน AEC ที่เท่ากับการขยายตลาดของไทยถึง 10 เท่า นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน  - อาเซียนได้รวมความแตกต่าง ความหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้อาเซียนเปรียบดั่งมีทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ และเป็นจุดที่สะท้อนความแตกต่างที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นอัตลักษณ์เดียวกัน นับเป็นความสวยงามอย่างหนึ่ง และอาเซียนจะต้องมีความมั่นคงในเรื่องศาสนา การศึกษา กีฬา สาธารณสุข ศิลปและวัฒนธรรม  - ณ ตอนนี้คนไทยพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วหรือยัง? เพราะฉะนั้นคนไทยจะต้องพัฒนาให้พร้อม ให้เก่ง ให้ดีในทุกๆด้าน และด้านที่สำคัญคือ ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่เปรียบดังกุญแจไขสู่อนาคต ซึ่งคนไทยยังคงยึดทัศนะคติผิดที่ว่า "ไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร" แท้จริงแล้วประวัติศาสตร์นั้นคือบทเรียนให้เราพัฒนาไปในวันข้างหน้า ดังนั้นครูผู้สอนจะต้องให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษ โดยไม่ใช่เพียงแค่สอนเนื้อหาแต่ในตำราเรียนที่เป็นภาษาไทย เพราะปัจจุบันโลกของอินเทอร์เน็ตนั้นส่วนใหญ่มีแต่ภาษาอังกฤษ แสดงว่าภาษาอังกฤษนั้นคือการเปิดโลกกว้างในกับเด็กๆ และต้องสอนให้คิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา ไม่เน้นการท่องจำ เพราะการคิดเป็น วิเคราะห์เป็น ทำให้ตัดสินใจในสิ่งต่างๆได้ด้วยตนเอง และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนที่สำคัญในการแข่งขันในอาเซียน
    "ภารกิจของครู คือ อนาคตของชาติ"

  • การศึกษาในประเทศสิงคโปร์ การศึกษาของสิงคโปร์นั้นเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก การศึกษาแบ่งได้ดังนี้  - ประถมศึกษา (1-4) เน้นการเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาทมิฬ และคณิตศาสตร์  ประถมศึกษา (5-6) แบ่งได้เป็นอีก 3 ระดับ โดยจะมีการสอบเพื่อวัดระดับการศึกษาและมีผลในการเข้าเรียนในมัธยมศึกษา  - มัธยมศึกษา แบ่งเป็น 2 ระบบ คือ 4 ปีและ 5 ปี  จากนั้น จะเข้ามหาวิทยาลัยหรือสายอาชีพ ซึ่งสายอาชีพนั้น เมื่อจบแล้วจะมีงานทำที่ตรงกับสาขาที่เรียนมา ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะต้องทดสอบ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์เป็นหลัก การใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนและการที่ค่าเล่าเรียนมีราคาถูก ทำให้มีนักศึกษาจากต่างประเทศนิยมมาเรียนในสิงคโปร์ แม้ค่าครองชีพจะสูงก็ตาม นอกจากนี้แล้ว สิงคโปร์ยังต้องการที่จะพัฒนาการศึกษาในเป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับมาตรฐานโลก ซึ่งเริ่มจากความเท่าดทียมกันทางการศึกษา โดยมียุทธศาสตร์ 7 ข้อดังนี้  1. มุ่งเน้นผลลัพธ์ทางการศึกษา  2. เน้นจิตสำนึก แรงจูงใจ การใฝ่รู้  3. ทุ่มทรัพยากรด้านเงินทุนทางการศึกษา  4. การบริหารจัดการแบบศูนย์รวม  5. หลักสูตรการเรียนการสอนที่เข้มข้น  6. ประเมินตนเองให้มากขึ้น  7. แรงสนันสนุนจากครอบครัวผู้เรียน

  • การศึกษาในประเทศเวียดนาม - เน้นการบูรณาการวิชากับภาษาต่างประเทศ ที่โดดเด่น คือ วิชาวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส- ประเมินเด็กเพื่อจัดระดับการศึกษา  - สภาบันการศึกษาต้องเปิดสอนอย่างน้อย 9 ชั้่วโมง/วัน  - ครูและเด็กจะร่วมกันออกแบบการเรียน ทำให้เด็กมีความตื่นตัวในการเรียน  - บูรณาการอาเซียนลงในวิชาภาษาต่างประเทศ  - มีการแลกเปลี่ยนนักเรียน เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กับนักเรียน

  • การศึกษาในประเทศลาว - ประเทศลาวได้เปลี่ยนระะบบการศึกษาจาก 5:3:3 (ประถมศึกษา1-5 : มัธยมศึกษา1-3 : มัธยมศึกษา4-6) เป็น 5:3:4 (ประถมศึกษา1-5 : มัธยมศึกษา1-3 : มัธยมศึกษา4-7) เพื่อพัฒนาการศึกษาให้เท่าเทียมกับประเทศอื่น และเตรียมพร้อมเข้าสู่อาเซียน ในประเทศลาวนั้นนักเรียนไม่คร่ำเคร่งกับการเรียน และไม่นิยมเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งนั่นทำให้มหาวิทยาลัยที่มีเพียง 3 แห่งของประเทศลาวมีความเพียงพอที่จะรองรับนักศึกษาได้ โดยส่วนใหญ่นักศึกษาจะเลือกเรียนในสาขาวิชาบริหารศาสตร์หรือคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ และในช่วงใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนจะนิยมติวหนังสือเป็นกลุ่ม หรือติวกับครูที่ทางโรงเรียนได้จัดไว้ให้ ไม่นิยมเรียนกวดวิชา เพราะมีค่าใช้จ่ายที่สูง  - อันดับการศึกษาในอาเซียน   1. สิงคโปร์   2. มาเลเซีย   3. บรูไนดารุสลาม   4. อินโดนิเซีย   5. ฟิลิปปินส์และกัมพูชา   7. เวียดนาม   8. ไทย   9. ลาว  - อาชัพในฝันของเด็กๆแต่ละประเทศ  ไทย : แพทย์  ครู  ทนายความ  พ่อครัว  นักธุรกิจ  สัตวแพทย์  สิงคโปร์ : ครู  แพทย์  นักบิน  พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน  ศิลปิน  มาเลเซีย : แพทย์  นักบิน  ตำรวจ  นักกฏหมาย  ครู  ฟิลิปปินส์ : อาชีพเกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจ การตลาด และเทคโนโลยีสารสนเทศ  เวียดนาม : การบริหาร  ธุรกิจ  การเงิน  เทคโนโลยีสารสนเทศ  วิทยาสาสตร์และวิศวกรรม  ลาว : มัคคุเทศน์  ครู  เจ้าหน้าที่บริาัทข้ามชาติ  นักการธนาคาร  นักธุรกิจ
    "ปัญญา ควบคู่ เทคโนโลยี"

  • การศึกษาในประเทศมาเลเซีย - ปรับหลักการสอนของศาสนาอิสลามรวมกับการศึกษาจากตะวันตก  - ต้องการพัฒนาการศึกษาให้อยู่ในระดับสูงสุด เพื่อที่จะเป็นผู้นำทางการศึกษา  - ผลักดันการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิสวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ให้มีสัดส่วนในการเรียน 60% เพราะวิชาดังกล่าวทำให้เด็กคิด วิเคราะห์ด้วยเหตุผล

  • การศึกษาในประเทศอินโดนิเซีย - เน้นบทเรียนที่สร้างความเป็นตัวตนในสังคม  - มีความพยายามในการจัดการศึกษาให้ทีความเท่าเทียมกันอย่างต่อเนื่อง

  • การศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์  ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในอาเซียนประเทศหนึ่ง ทำให้มีการเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมากมาย และผู้เรียนส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติทุกวัย และเน้นการสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ

ดาวเด่นของการศึกษา

  • ชื่อเรื่อง : สัมภาษณ์ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC
    องค์ความรู้ที่ได้ : ประเทศไทยนั้นตั้งอยู่ตรงกลางในอาเซียน ทำให้มีความหลายหลากในด้านต่างๆ แต่ไทยกลับไม่ค่อยพัฒนาสิ่งต่างให้เป็นของตน  กล่าวคือ ไม่ค่อยดิ้นรน เพราะเคยชินกับการที่มีทรัพยากรที่ครบและมัวภูมิใจในอดีตที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้น ดังนั้น หากต้องการที่จะพัฒนาประเทศก็จะต้องพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีให้ดีขึ้น และต้องพัฒนาบุคลากรควบคู่กันไปด้วย นอกจากนั้นแล้วจะต้องมีประสิทธิภาพในการคัดสรรบุคคลที่จะเข้ามาทำงานในหน่วยงานต่างๆให้มากขึ้นด้วย
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : จะต้องพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีประสิทธิภาพในทุกๆด้าน
    ข้อคิดที่ได้ : การพัฒนาบุคคลให้ตรงจุดนั้น สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ชื่อเรื่อง : ประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน
    องค์ความรู้ที่ได้ : การเปิดอาเซียนนั้นสร้างความท้าทายในทุกๆด้าน ซึ่งประเทศที่มีคนเก่ง คนฉลาด คนที่ปรับตัวได้ดีจะได้เปรียบ แต่ไทยเพิ่งจะตื่นตัวในการพัฒนาประเทศ ต่างจากประเทศอื่นๆที่ได้มีการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่องมานานแล้ว เช่น
    -  สิงคโปร์ นั้นได้ตระหนักเสมอว่า ไม่มีทรัพยากรใดที่มีค่าไปกว่าทรัพยากรมนุษย์ และคุณภาพของคนนั้นคือกุญแจสำคัญ ดังนั้นการศึกษาจะต้องพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะนั้นเป็นการวางรากฐานที่ดี
    - มาเลเซีย เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและการวิจัย มีความโดดเด่นในการสอนภาษาอังกฤษ และยังให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์เช่นกัน นอกจากนั้นยังมุ่งพัฒนาแรงงานในเป็นมืออาชีพ และได้เปิดโอกาสให้กับผู้หญิงได้มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
    - บรูไน จะให้ความสำคัญในการสร้างความเป็นปึกแผ่น และจากการที่เป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีทรัพยากรธรรมชาติมากนัก ทำให้มุ่งในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งนั้นส่งผลให้ประเทศและทรัพยากรด้านต่างๆมีการพัฒนา
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : จะต้องตื่นตัวและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้ปรับตัวให้ได้ในประชาคมอาเซียนที่ล้วนมีแต่สิ่งที่ท้าทายเพิ่มมากขึ้น
    ข้อคิดที่ได้ : การพัฒนาประเทศขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนในประเทศ
  • ชื่อเรื่อง : ดาวเด่นด้านการศึกษาแห่งอาเซียน
    องค์ความรู้ที่ได้ : - สิงคโปร์มีการศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาเซียน และยังอยู่ในอันดับต้นๆของโลก เนื่องจากครูในสิงคโปร์นั้นมีความรักและทุ่มเทในการสอน ซึ่งเหมาะกับที่ได้รับค่าตอบแทนที่สูง ในปัจจุบันครูมีบทบาทเพียงอำนวยความสะดวกในการหาความรู้ของนักเรียน และจัดสอนโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเป็นส่วนใหญ่
    - มาเลเซีย ในยุคอาณานิคมนั้น การศึกษาได้แบ่งแยกกันเป็นโรงเรียนมลายู จีน และทมิฬ ต่อมาในยุคสร้างชาติ ได้ส่งเสริมให้มลายูนั้นมีความโดดเด่นขึ้นมาเพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และในยุคพัฒนาประเทศ การศึกษาได้เป็นองค์ประกอบในการสร้างศักยภาพทางการแข่งขันในด้านต่างๆ และมุ่งที่จะพัฒนาประเทศภายในปี 2020 ซึ่งได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดธุรกิจต่างๆ
    - บรูไนดารุสลาม ได้ตระหนักในจุดที่ว่า การที่เศรษฐกิจจะมั่นคงได้นั้นขึ้นอยู่กับการสร้างและคิดอะไรใหม่ๆ และการศึกษาของบรูไนนั้นได้ตั้งอยู่บนหลักของศาสนาอิสลาม แต่ก็ได้บูรณาการกับการศึกษาในปัจจุบันได้ดี ตาม SPN21 คือ ให้นักเรียนมีการเสนอแนะสิ่งต่างๆมากกว่าที่จะให้ครูสอนเนื้อหาที่มีแต่ในตำราเรียน และยังมีการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในการทำงาน เพื่อให้นักเรียนได้เชื่อมโยงงานเหล่านั้นกับสิ่งที่ได้เรียนมา
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ต้องให้ความสำคัญและตระหนักในการศึกษาตลอดเวลา โดยการค้นคว้าความรู้ด้วยตนเองบ่อยๆ และหมั่นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆเพื่อนำมาบูรณาการกับการศึกษา เพื่อที่การศึกษาของเราจะได้มีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น
    ข้อคิดที่ได้ : ประเทศที่พัฒนาส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนา
  • ชื่อเรื่อง : ปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์
    องค์ความรู้ที่ได้ : - เวียดนาม เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงต้องการบุคคลที่จะเข้ามาทำงาน ส่งผลให้การศึกษาต้องเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งในการพัฒนา ณ ตอนนี้นั้นจะต้องทำโดยไม่แยกพื้นที่เมืองหลวงและชนบท และจะเริ่มจัดให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคม ทั้งนี้ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นคือ คุณภาพของบัณฑิตและการที่สาขาวิชาที่ได้เรียนมานั้นไม่สอดคล้องกับงานที่ทำ เด็กๆส่วนใหญ่เน้นการท่องจำ ทำให้ไม่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีนัก
    - พม่า เป็นประเทศที่ได้รับอิทธิพลการศึกษาจากอังกฤษ เนื่องจากการตกเป็นเมืองขึ้น ทำให้มีการเรียนการสอนในบางวิชาที่ใช้หนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษ และยังเน้นการศึกษาด้านภาษาต่างๆด้วย แต่ในการพัฒนาการศึกษายังคงมีปัญหาในเรื่องงบประมาณและคุณภาพของครูผู้สอน
    - กัมพูชา ณ ตอนนี้กำลังเร่งพัฒนาการศึกษา พร้อมทั้งเร่งพัฒนาคุณภาพของครู หวังที่จะได้มีจำนวนครูผู้สอนที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อปัญหาการขาดครู อีกทั้งยังมีปัญหาด้านงบประมาณที่ส่งผลให้การพัฒนาการศึกษานั้นไม่ทั่วถึง คือ มีช่องว่างระหว่างเด็กที่อาศัยอยู่ในเมืองและชนบท
    - สปป.ลาว เป็นประเทศที่ถือว่ายากจน ประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามชนบท ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะพัฒนาในด้านต่างๆให้ดีขึ้นได้ ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้คนในประเทศยอมลงทุนและดิ้นรนที่จะศึกษาเพื่อในมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันนักศึกษาจะนิยมเรียนคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศนั้นได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุนั้นส่งผลให้บัณฑิตสำเร็จการศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่ค่อยคุณภาพที่ดีเท่าที่ควร และบางคนก็เรียนไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้อัตราการตกงานมีเพิ่มมากขึ้นด้วย
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ต้องกล้าที่จะลงทุนในเรื่องการศึกษา และจะต้องดิ้นรนในการศึกษาเพื่อให้เป็นคนที่มีคุณภาพ ซึ่งในการศึกษานั้นจะต้องเลือกในสาขาที่สอดคล้องกับอาชีพการงานที่ต้องการจะทำในอนาคต
    ข้อคิดที่ได้ : การศึกษาที่ดี คือ การศึกษาที่มีคุณภาพ และเมื่อจบมาแล้วนั้นก็มีงานที่รองรับที่ตรงกับสาขาที่ได้ศึกษามา และความสามารถของผู้เรียนนั้นจะเป็นสิ่งที่นำพาผู้เรียนไปสู่ความสำเร็จ
  • ชื่อเรื่อง : ประเทศไทยอยู่ตรงไหนในอาเซียน
    องค์ความรู้ที่ได้ : ในปัจจุบันไทยมีปริมาณของผู้ที่มีความรู้ประมาณ 93% แต่จากการรายงานของที่ประชุมเศรษฐกิจโลกประจำปี 2012-2013 ซึ่งได้ประเมินความสามารถในการแข่งขันของแต่ละประเทศ โดยในหมวดของการศึกษา ได้รายงานว่า ระบบคุณภาพการศึกษาของไทยจัดอยุ่ในอันดับที่ 8 ของอาเซียน ซึ่งไม่รวมพม่าและลาว ทั้งที่ไทยได้จัดสรรงบประมาณประมาณ 20%  ของจำนวนงบประมาณทั้งหมดให้แก่การศึกษา นับว่ามากที่สุดในอาเซียน แต่ผลลัพธ์กลับไม่ดีเท่าที่ควร และเนื่องจากค่าตอบแทนของอาชีพครูนั้นไม่ได้สูง ทำให้คนไทยที่เก่งไม่นิยมเรียนครู แต่เลือกเรียนในสาขาวิชาอื่นๆแทน และยังทำให้ครูโดยส่วนใหญ่ต้องทำงานอื่นควบคู่ไปด้วย จนในที่สุดก็ส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน อีกทั้งเทคโนโลยีในปัจจุบันที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ครูมีข้อจำกัดในการพัฒนาการสอนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นไทยจะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของการศึกษามากกว่านี้ และต้องช่วยกันทั้งผู้สอน ผู้เรียน รวมไปถึงผู้ปกครอง นอกจากนี้ที่ประชุมเศรษฐกิจโลก ได้รายงานอีกว่า ไทยมีการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ปัญหาของไทยไม่ได้อยู่ที่ปริมาณของผู้เรียน แต่อยู่ที่ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ดังนั้นไทยจะต้องเปลี่ยนความคิดเป็นผลักดันประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และได้มีการวางแผนที่จะสร้างโรงเรียนที่จะบ่มเพาะเยาวชนที่มีสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีทุนการศึกษาที่จะทำให้โอกาสทางการศึกษาของคนรวยและคนจนเท่ากัน
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ควรศึกษาหาความรู้ควบคู่กับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะจะทำให้ช่องทางในการหาความรู้ของเรานั้นเพิ่มมากขึ้นและยังมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย
    ข้อคิดที่ได้ : ในปัจจุบันทุกประเทศให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพของบุคคล ดังนั้นถึงเวลาที่ไทยจะต้องแก้ปัญหาการศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อให้มีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และไทยจำเป็นต้องสร้างสรรค์วัตกรรมและเทคโนโลยีของไทยเอง
  • ชื่อเรื่อง : สายสัมพันธ์ไทย-ลาว
    องค์ความรู้ที่ได้ : ไทย-ลาวมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมานานหลายร้อยปี ซึ่งเปรียบดั่งแม่น้ำโขงที่ตัดไม่ขาด มีภาษาที่คล้ายคลึงกันสามารถพูดคุยกันหรือร้องรำทำเพลงด้วยกันได้ และวัฒนธรรมของทั้งสองก็มีความใกล้เคียงกัน ทำให้อยู่ด้วยกันได้อย่างรักกันและมีความสุข อีกทั้งในปัจจุบันไทยกับลาวยังเชื่อมต่อกันด้วยสะพานมิตรภาพไทยลาว ส่งผลให้การเดินทางไปมาระหว่างกันมีความสะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้นไทยกับลาวก็เหมือนกับเป็นเพื่อนที่มีความเสมอภาค มีความเท่าเทียมกัน แต่ลาวนั้นจะมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์กว่าไทย อีกทั้งยังมีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมมากกว่าด้วย เนื่องจากลาวมีประชากรที่น้อย ทำให้ลาวมุ่งเน้นเศรษฐกิจในทางบริการทางการท่องเที่ยวมากกว่าอุตสาหกรรม และให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะลาวไม่มีทางออกทางทะเล เพราะฉะนั้นการที่ไทยเข้าไปลงทุนในลาว ช่วยให้ทั้งไทยและลาวทีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของลาว ไทยส่งออกสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ และผลิตภัณฑ์จากเหล็ก เป็นหลักไปยังลาว และไทยก็นำเข้าสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์จากไม้ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และทองแดง เป็นหลักเข้ามาในประเทศ
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ให้ช่วยเหลือคนรอบข้าง เพราะสิ่งนั้นจะทำให้เราได้รับการพัฒนา ได้รับสิ่งที่ดีๆด้วย
    ข้อคิดที่ได้ : การพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้ทั้งสองมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
  • ชื่อเรื่อง : เยือนถิ่นอิเหนา
    องค์ความรู้ที่ได้ : อินโดนิเซียเป็นประเทศที่เป็นทางเชื่อมระหว่าง 2 มหาสมุทรเปรียบดั่งทางเชื่อมที่เชื่อมทวีป 2 ทวีปเข้าด้วยกัน คือ ทวีปเอเชียและทวีปออสเตรเลีย และยังเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย  อินโดนิเซียมีแนวคิดที่ว่าจะต้องร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าประเทศ โดยมุ่งเน้นการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้อินโดนิเซียก็ยังมีวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง เพราะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และการที่มีพื่นที่ส่วนใหญ่เป็นหมู่เกาะ ทำให้จุดนี้เป็นสิ่งที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้มาก ตรงกับแนวคิดที่ได้วางไว้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในเข้มแข็งขึ้น นอกจากนี้อินโดนิเซียเป็นประเทศที่มีมุสลิมเยอะที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมอาหารที่มีตราฮาลาลการรับรองจะเป็นที่นิยม แต่ไทยนั้นไม่ค่อยสร้างแบรนด์ขึ้นเป็นของตัวเอง ทำให้ต่างประเทศเข้ามาซื้อวัตถุดิบจากประเทศไทยแล้วนำไปสร้างเป็นแบรนด์ของตนขึ้น ส่งขายไไปยังอินโดนิเซีย ส่งผลให้การค้าขายระหว่างไทยกับอินโดนิเซียลดลง นอกจากนี้คนในประเทศอินโดนิเซียจะยึดมั่นกับศาสนาของตน ทำให้รูปแบบในการคิดนั้น จะมองทุกอย่างเป็น 2 ด้าน คือด้านดีและด้านไม่ดี เช่น การที่ภูเขาไฟระเบิดนั้น จะสร้างความเสียหายในระดับหนุ่งแล้ว แต่สิ่งที่ได้มาเหมือนกันคือ แร่สีดำหรือหินสีดำ ที่สามารถนำมาขายในอุตสาหกรรมก่อสร้างได้ และยังได้ดินสีดำซึ่งมีแร่ธาตุต่างๆเยอะ เหมาะแก่การเกษตร
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ควรมองสิ่งต่างๆให้รอบด้าน และควรยึดมั่นในหลักการศาสนาหรือวัฒนธรรมของตนในเข็มแข็ง
    ข้อคิดที่ได้ : การร่วมมือกัน จะทำให้การพัฒนาสะดวกยิ่งขึ้น และทางมองสิ่งต่างๆในประโยชน์ของมัน จะทำให้เราสามารถหาสิ่งที่เราต้องการได้
  • ชื่อเรื่อง : เที่ยวฟิลิปปินส์
    องค์ความรู้ที่ได้ : ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีประชากรประมาณ 100ล้านคน ฟิลิปปินส์เคยตกเป็นเมืองขึ้นของสเปนเมื่อประมาณ 300 ปี ทำให้ผู้คนโดยส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์และยังได้รับอิทธิพลทางด้านดนตรี โดยเฉพาะการใช้กีตาร์ในการบรรเลงเพลงพื้นเมือง นอกจากนี้ฟิลิปปินส์ยังมีมหาวิทยาลัยจำนวนมาก และมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เหล่านั้นก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ทำให้ผู้คนในประเทศฟิลิปปินส์เก่งทางด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งนั้นเป็นการตอบโจทย์ที่ดีของ AEC และการที่มีภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะที่มีวัฒนธรรมที่เข็มแข็ง ทำให้รายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว อีกทั้งค่าครองชีพก็ไม่ได้แพงมาก นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาเที่ยวตามสถานที่ขึ้นชื่อ เช่น เซบู เกาะบูราไค เป็นต้น และเนื่องจากฟิลิปปินส์รับประทานข้าวเป็นอาหารหลักเช่นไทย จึงมีการนำเข้าข้าวมากที่สุดในโลก
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ต้องพัฒนาทางด้านภาษา เพื่อให้ภาษาเป็นสิ่งที่เปิดโอกาสให้กับตัวเรามากยิ่งขึ้น
    ข้อคิดที่ได้ : การได้ภาษานั้นเป้นสิ่งที่ทำให้ตัวเราได้เปรียบในหลายๆด้าน
  • ชื่อเรื่อง : เวียดนามเปิด เศรษฐกิจเกิด
    องค์ความรู้ที่ได้ : เวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนลำดับที่ 7 ในปี พ.ศ.2538 และได้เข้าร่วม GMS (ประกอบด้วยไทย,เมียนมาร์,ลาว,กัมพูชา และมณฑลยูนนาน) เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมีพื้นที่เท่ากับยุโรปตะวันออกเลยทีเดียว ปัจจุบันเวียดนามมุ่งที่จะพัฒนาประเทศทางด้านอุตสาหกรรมมากกว่าด้านเกษตรกรรม แต่กลับมีค่าแรงงานที่ต่ำ และมีแนวชายฝั่งที่ยาวเหมาะแก่การพัฒนาอุตสาหกรรม นอกจากนี้การที่เวียดนามมีประชากรที่มาก ทำให้มีการแข่งขันที่สูงพอสมควร แต่ก็มีปัญหาด้านคุณภาพของบัณฑิตที่ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาการศึกษาโดยไม่แบ่งพื้นที่ในตัวเมืองและชนบท และปฏิรูปการศึกษาโดยใช้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางพร้อมทั้งเสริมสร้างทักษะทางด้านภาษาและคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความมั่นใจและกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบอีกด้วย
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ควรหางานทำที่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่เรียนมา และควรมีความคิดที่เป็นระบบพร้อมทั้งมีความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆให้มากขึ้น
    ข้อคิดที่ได้ : การศึกษาเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นพื้นฐานของการพัฒนา
  • ชื่อเรื่อง : จับมือกันพัฒนาทั้งไทย-พม่า
    องค์ความรู้ที่ได้ :ไทยและพม่ามีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาก่อนที่พม่าจะปิดประเทศ พม่าเป็นเมืองพุทธเหมือนกับไทย อาหารในพม่าก็คล้ายกับอาหารพื้นเมืองของไทย มีศาสนาสถานที่สวยงาม พร้อมทั้งมีวิถีชีวิตในชนบทที่มีเสน่ห์ ทำให้ชาวต่างชาติอยากมาท่องเที่ยวที่พม่า แม้การเดินทางจะยากลำบากแต่นั่นก็เป็นความประทับใจอย่างหนึ่ง ชาวพม่าเป็นนักการค้าที่เก่ง และเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันพม่าเปิดโอกาสในการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด และนักศึกษาพม่าส่วนใหญ่นิยมเรียนภาษาไทย เพราะเล็งเห็นว่าจะทำให้มีอนาคตที่ดีขึ้นในทางธุรกิจที่นิยมค้าขายกัน โดยเฉพาะบริเวณชายแดน และในอนาคตจะพัฒนาเรื่องการขนส่งเพื่อให้มีความสะดวกยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าไทยกับพม่านั้นช่วยกันในหลายๆเรื่อง
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ควรเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต เพราะสิ่งเหล่านั้นจะสอนเรา ทำให้เรามีการพัฒนา
    ข้อคิดที่ได้ : การเปิดรับสิ่งใหม่จะทำให้เกิดการพัฒนาเพิ่มขึ้น
  • ชื่อเรื่อง : ไทย-กัมพูชา ร่วมมือกัน
    องค์ความรู้ที่ได้ : ไทยและกัมพูชามีความผูกพันธ์กันมายาวนาน มีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม รวมถึงภาษาที่ใกล้เคียงกัน กัมพูชาเคยได้ชื่อว่าเป็น"ไข่มุกแห่งเอเชีย" ระบบการปกครองเป็นแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ชาวกัมพูชามีความสามารถทางด้านภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ ไทย จีน หรือแม้กระทั่งเกาหลี รายได้หลักของกัมพูชามาจากภาคการเกษตร รองลงมาคือ อุตสาหกรรม ส่วนใหญ่คืออุตสากรรมสิ่งทอ ซึ่งกัมพูชามีแรงงานจำนวนมากแต่มีรายได้ที่ต่ำ และการท่องเที่ยว โดยนิยมมาท่องเที่ยวตามโบราณสถานต่างๆ โดยภาพรวมแล้วสิ่งที่ไทยและกัมพูชาได้ประโยชน์ร่วมกัน คือ การค้าขาย ทั้งนี้ทางด้านกัมพูชายังได้เร่งพัฒนาถนนเพื่อให้สะดวกในการขนส่ง และไทยก็ได้เข้าไปช่วยเหลือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยจัดตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานและได้ให้ความช่วยเหลือในการศึกษาระดับอาชีวศึกษาอีกด้วย
    สิ่งที่นำไปใช้พัฒนาตนเอง : ให้ช่วยเหลือผู้อื่นในสิ่งที่เราทำได้ เพราะนั้นคือการที่เราได้ทบทวนและพัฒนาสิ่งนั้นๆไปด้วย
    ข้อคิดที่ได้ : การช่วยเหลือคนอื่นในเรื่อง เท่ากับได้พัฒนาในด้านนั้นๆไปด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทดสอบกลางภาค

1.การศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีสาระสำคัญอะไรบ้าง
   ตอบ ผู้ชายจะบวชเรียนที่วัด โดยเรียนเกี่ยวกับการอ่าน การเขียน และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ส่วนผู้หญิงจะเรียนเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย และการแกะสลัก
2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาจัดการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
   ตอบ ผู้ชายจะบวชเรียน และผู้หญิงจะเรียนเกี่ยวกับกุลสตรีเหมือนกัน แต่สมัยสุโขทัยเริ่มมีการประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นมา อีกทั้งมีสถานที่เรียนด้วยกัน 3 แห่งคือ วัด สำนักปราชญ์ราชบัณฑิต และราชสำนัก นอกจากนั้นยังได้จัดแบ่งการศึกษาเป็น 4 องค์คือ จริยศึกษา พลศึกษา พุทธิศึกษา และหัตถศึกษา ซึ่งเน้นเกี่ยวกับหลักคำสอนของพุทธศาสนา ส่วนในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นมีความก้าวหน้าในการศึกษามากกว่า มีการแต่งหนังสือแบบเรียนภาษาไทยชื่อว่า หนังสือจินดามณี ขึ้นเป็นเล่มแรก และยังมีการติดต่อกับฝรั่ง ส่งผลให้มีการจัดตั้งโรงเรียนมิชชันนารีขึ้นอีกด้วย
3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการจัดการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
   ตอบ มีผลให้ไทยจัดรูปแบบการศึกษาให้มีความเป็นระเบียบและชัดเจนขึ้น เช่น การจัดตั้งโรงเรียนมิชชันนารีขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้ไทยมีการจัดทำหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเล่มแรกขึ้นมาใช้ในการเรียนการสอนอีกด้วย นั่นคือ หนังสือจินดามณี
4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร
   ตอบ มีการพัฒนาการเรียนการสอนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมีพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้สอนหนังสือจินดามณี และชนชั้นสูงในสมัยนั้นจะได้เรียนเกี่ยวกับปรัชญาและเครื่องกลอีกด้วย
5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร เกิดขึ้นในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
   ตอบ หนังสือจินดามณี เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนาราณ์มหาราชหรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 ตรงกับรัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากพระองค์ทรงเกรงว่าคนไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่ง จึงทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดีแต่งหนังสือแบบเรียนภาษาไทยขึ้นมา
6.การจัดการศึกษาภาคบังคับมีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย และให้เหตุผล
   ตอบ การกำหนดขอบเขตของการศึกษาขั้นต่ำให้กับประชาชนทุกคน โดยกำหนดเป็นระยะเวลา 9 ปี เพราะว่าการศึกษาเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาศักยภาพของตัวผู้นั้น และช่วยให้ผู้นั้นสามารถปรับตัวในการใช้ชีวิตในสังคมได้
7.การศึกษาที่เรียกว่ามาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบายและยกเหตุผล
   ตอบ การศึกษาที่มีองค์ประกอบในการศึกษาพร้อม ครบถ้วน และเหมาะสมต่อผู้ศึกษา โดยมาติกาการศึกษามีอยู่ด้วยกัน 8 มาติการ ตังนี้ ตำบลที่เล่าเรียน, โรงเรียน, นักเรียนและครู, เวลาเรียน, เครื่องเล่าเรียน, วิชาหนังสือ, วิชาเลข และข้อบังคับในการเรียน ซึ่งหากผู้เรียนได้รับมาติกาการศึกษาอย่างครบถ้วนแล้ว จะทำให้ประสิทธิผลทางการเรียนเพิ่มมากขึ้น
 8.การศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบายและยกเหตุผล
   ตอบ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากประเทศนั้นต้องการหาคนที่มีความรู้ มีความสามารถมาเข้ารับราชการ เพราะต้องการพัฒนาประเทศและการศึกษาให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายและยกเหตุผล
   ตอบ เห็นด้วย เพราะมีการแบ่งขอบเขตในการพัฒนาการศึกษาอย่างชัดเจน คือ การประกาศเขตพื้นที่การศึกษา อีกทั้งการกระจายอำนาจให้สถานศึกษา ทำให้ประชาชนมีสิทธิในการศึกษาหาความรู้อย่างเท่าเทียมกัน และการจัดการศึกษานั้นได้มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนมีศักยภาพในการศึกษาสูงยิ่งขึ้น
10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาสู่ยุคสมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอะไรบ้าง
   ตอบ  ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการจัดการศึกษาสู่สมาคมอาเซียน คือ การสร้างความตระหนักในหลักสูตรระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยเฉพาะการพัฒนาในด้านภาษาต่างประเทศ การเตรียมบุคลากรครูและนักเรียนเพื่อรับรองและขยายโอกาสทางการศึกษา ที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีความแตกต่างทั้งด้านภาษาและวัฒธรรม และมีการแข่งขันเพิ่มมากยิ่งขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

วิวัฒนาการการศึกษาไทย ตอนที่ 2

แบบทดสอบบทที่ 3

1. แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีสาระสำคัญอะไรบ้าง
 ตอบ มีวัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอน จะไม่มีการจดบันทึกไว้ แต่จะใช้ความสามารถในการท่องจำ และเล่าเรียนเพื่อประกอบอาชีพเท่านั้น
2. สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยา การจัดการศึกษาเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรอธิบาย
 ตอบ แตกต่างกัน คือ สมัยสุโขทัยเริ่มมีการประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นมา อีกทั้งมีสถานที่เรียนด้วยกัน 3 แห่งคือ วัด สำนักปราชญ์ราชบัณฑิต และราชสำนัก นอกจากนั้นยังได้จัดแบ่งการศึกษาเป็น 4 องค์คือ จริยศึกษา พลศึกษา พุทธิศึกษา และหัตถศึกษา ซึ่งเน้นเกี่ยวกับหลักคำสอนของพุทธศาสนา ส่วนในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นมีความก้าวหน้ามาก มีการแต่งหนังสือแบบเรียนขึ้นมาเป็นเล่มแรก คือ หนังสือจินดามณี และยังมีการติดต่อกับฝรั่ง ส่งผลให้มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ขึ้นอีกด้วย
3. อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
 ตอบ การเข้ามาเผยแพร่ศาสนาอย่างจริงจัง โดยมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้น นอกจากนั้นยังได้สอนวิชาการแบบยุโรป ซึ่งเป็นวิชาการศึกษาที่มีความล้ำสมัย
4. การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความก้าวหน้าอย่างไร
 ตอบ เริ่มมีการนำวิทยาการใหม่ๆเข้ามา มีการจัดพิมพ์ตำราเรียน นับเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทย
5. แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ เกิดในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
 ตอบ แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ "จินดามณี" เกิดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชหรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 ตรงกับรัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากพระองค์ทรงเกรงว่าคนไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่ง จึงทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดีแต่งหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเป็นของตนเองขึ้น
6. การจัดการศึกษาภาคบังคับ มีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
 ตอบ การกำหนดขอบเขตการศึกษาขั้นต่ำให้แก่ประชาชนทุกคน เพราะว่าการศึกษาเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์
7. การจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษา เป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
 ตอบ การศึกษาที่มีองค์ประกอบในการศึกษาที่พร้อม ครบถ้วน ซึ่งมาติกาการศึกษามีอยู่ด้วยกัน 8 มาติกา คือ
    1) ตำบลที่เล่าเรียน ในอดีตคือ ที่ตั้งของวัด และในปัจจุบันคือ ที่ตั้งของโรงเรียน
    2) โรงเรียน ในอดีตคือ ที่เรียนในวัด
    3) นักเรียนและครู ในอดีตมี 3 ประเภท คือ พรภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
    4) เวลาเรียน ในอดีตคือ ตอนพระว่าง และในปัจจุบันคือ เวลา 08.00-16.00 น.โดยประมาณ
    5) เครื่องเล่าเรียน ในอดีตคือ กระดานฉนวน ดินสอพอ ปากกาไม้ไผ่ เป็นต้น และในปัจจุบันคือ ปากกา ดินสอ กระดาษ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
    6) วิชาหนังสือ คือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
    7) วิชาเลข คือ เลขคณิตวิธีต่างๆ
    8) ข้อบังคับการเรียน คือ ระเบียบวินัยในการเรียน การชมเชย และการลงโทษ
8. การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบาย ยกเหตุผล
 ตอบ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากประเทศนั้นต้องการหาคนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ารับราชการ เพราะต้องการพัฒนาประเทศและการศึกษาให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
9. การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบัน ท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบาย ยกเหตุผล
 ตอบ เห็นด้วย เพราะมีการแบ่งขอบเขตในการพัฒนาการศึกษาอย่างชัดเจน คือ การประกาศเขตพื้นที่การศึกษา อีกทั้งการกระจายอำนาจให้สถานศึกษา ทำให้ประชาชนมีสิทธิในการศึกษาหาความรู้อย่างเท่าเทียมกัน และการจัดการศึกษาได้มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนมีศักยภาพสูงขึ้นจากเดิม
10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไร
 ตอบ ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ การสร้างความตระหนักในหลักสูตรระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เตรียมบุคลากรครูและนักเรียนเพื่อรับรองและขยายโอกาสทางการศึกษา ที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีความแตกต่างทั้งด้านภาษาและวัฒธรรม

ปรัชญาการศึกษา

ปรัชญาการศึกษา

ปรัชญาสารัตถนิยม- หลักการคือ หนทางแห่งการอนุรักษ์วัฒนธรรมทางสังคม
- กำหนดโดย วิลเลี่ยม แบกเลย์ , ไอแซค แดนเดล และ เฮอร์เมน-เชื่อว่า ผู้เรียน คือ ดวงจิตเล็กๆ เปรียบได้เป็นผู้รับ ดังนั้นครูจึงมีความสำคัญ โดยกระทำเป็นตัวอย่างหรือผู้ให้
- มาจากการผสานระหว่าง"ปรัชญาจิตนิยม"กับ"ปรัชญาสัจนิยม"
   โดยปรัชญาจิตนิยมนั้นมีความเชื่อว่า การศึกษา คือ เครื่องมือในการถ่ายทอดทางวัฒนธรรม ซึ่งหลักสูตรการศึกษาจึงประกอบด้วย ความรู้, ทักษะ, เจตคติ, ค่านิยม และวัฒนธรรม
   ส่วนปรัชญาสัจนิยมนั้นมีความเชื่อว่า การศึกษา คือ เครื่องมือในการถ่ายทอดความรู้และความจริงทางธรรมชาติ ซึ่งหลักสูตรการศึกษาจึงประกอบด้วย ความรู้, ความจริง, และการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับกฏเกณฑ์และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ
- จุดมุ่งหมายของการศึกษา
   1. ถ่ายทอดมรดกทางปัญญาและสังคม
   2. พัฒนาสติปัญญาและวินัยของมนุษย์ให้เป็นผู้เฉลียวฉลาด
- การนำไปใช้
   ประถมศึกษา  > สอนอ่าน/เขียน/คิดเลข โดยพื้นฐานทั่วไป
   มัธยมศึกษา > สอนเข้มข้นขึ้น
   อุดมศึกษา > สอนเน้นเฉพาะด้านที่ผู้เรียนได้เลือกไว้
- ข้อดี
   มีวินัย
   มีความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีบท
-ข้อเสีย
   มีการกำหนดกฏเกณฑ์มากเกินไป


ปรัชญานิรันตรนิยม- หลักการเชื่อว่า "หนทางที่ย้อนกลับไปสู่วัฒนธรรมอันดีงามในอดีต"
- บาทหลวง เซนต์ โทมัส อะไควนัส ดัดแปลงมาจากปรัชญาการศึกษานิรันตรนิยมของอริสโตเติ้ล ซึ่ง โรเบิร์ต ฮัทชิน , มอร์ติเมอร์ แอดเลอร์ และ เซอร์ริชาร์ด ลิฟวิ่งสโตน ได้รวบรวมหลักการและให้กำเนิดปรัชญานิรันตรนิยมในปี ค.ศ. 1929
- มีพื้นฐานความเชื่อมาจาก กลุ่มสัจนิยมเชิงเหตุผล เป็นความเชื่อทางฝ่ายศาสนาและฆารวาสมาผสมกัน
- ใช้ความคิดเชองเหตุผลมาตัดสินใจสิ่งต่างๆ
- สาระสำคัญ
   เน้นเรื่องคุณงามความดี เน้นระเบียบวินัย
   ผู้สอนเป็นศูนย์กลาง
   ใช้วิธีการบรรยายในการรับรู้ จดจำ
   ใช้การออกกำลังกายในการสร้างระเบียบวินัยแก่ผู้เรียน

ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม- หลักการเชื่อว่า "หนทางก้าวหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม"
- ริเริ่มแนวคิดโดย ยัคส์ รุสโซ , จอห์นเฮนรี่ เปสตาลอสซี่ และ เฟรด เดอริค โฟรเบล- อาศัยหลักการของปรัชญาการศึกษาสาขาประสบการณ์นิยม พื้นฐานมาจากปรัชญากลุ่มเสรีนิยม
- เน้นประสบการณ์ มุ่งพัฒนาบุคลิกภาพของผู้เรียนด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
- ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
- ครูเป็นเพียงผู้แนะนำ มีหน้าที่จัดหาประสบการณ์ที่ดีและเหมาะสมกับผู้เรียน
- ใช้วิธีสอนแบบการแก้ปัญหาตามหลักวิทยาศาสตร์

ปรัญชาปฏิรูปนิยม- อาศัยแนวความคิดของปรัชญาปฏิบัติ และผนวกความคิดของปรัชญาพิพัฒนาการเข้าด้วยกัน
- หลักการเชื่อว่า "หนทางปฏิรูปเพื่อสร้างวัฒนธรรมใหม่" ยึดถือการศึกษาเพื่อปฏิรูปสังคม
- ส่งเสริมให้โรงเรียนมีบทบาทในการปฏิรูปสังคม สอนให้มีการอภิปรายกลุ่ม
- การศึกษาที่เป็นหลักของการพัฒนาคือ สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรม

พุทธปรัชญา
- มาจากพระพุทธศาสนา
- หมายถึง การศึกษาเพื่อให้เข้าใจความจริง เข้าใจความหมายของชีวิต
- มุ่งลดโลภ โกรธ หลง และพัฒนาความรู้ ความจำ นิสัย และอื่นๆ 

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

วิวัฒนาการการศึกษาไทย ตอนที่ 1

วิวัฒนาการการศึกษาไทย

สมัยโบราณ
- ศูนย์กลางของการศึกษา คือ บ้านและวัด
- ผู้ชาย จะบวชเรียน
  ผู้หญิง จะเรียนเย็บปักถักร้อย


สมัยสุโขทัย

- ผู้ชาย บวชเป็นพระ
  ผู้หญิง จะเรียนเกี่ยวกับเรื่องของกุลสตรี
- สถานที่เรียน
   ๑. บ้าน
   ๒. วัด(สำหรับผู้ชาย) / หอเรือน(สำหรับผู้หญิง)
   ๓. สำนักพระราชบัณฑิต(สำหรับผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์/ชนชั้นสูง)
   ๔. พระราชวัง(เชื่อพระวงศ์)


สมัยอยุธยา

- ทหาร เรียนเกี่ยวกับการใช้อาวุธ.การขี่ช้าง/ม้า
- พลเรือน ชาย จะบวชเรียนพระธรรม และเรียนเกี่ยวเลข,โหราศาสตร์ และมีความเชื่อที่ว่า"หากไม่ยอมบวชเรียนจะไม่ได้เข้ารับราชการ"
                 หญิง เรียนเกี่ยวกับเย็บปักถักร้อย การทำอาหาร และการแกะสลัก
- มีการสร้างหนังสือ"จินดามณี"
- มีการตั้งโรงเรียนมิชชันนารีเป็นครั้งแรก


สมัยธนบุรี

- มีการเกิดสงครามบ่อย แต่ก็ยังมีการพัฒนาในเรื่องการศึกษา
- ศูนย์กลางของการศึกษา คือ วัด โดยมีการสอนหนังสือจินดามณีโดยพระสงฆ์
- พ่อแม่จะสอนอาชีพของตนแก่ลูก
- ไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือ แต่จะให้เรียนเกี่ยวกับกุลสตรี


สมัยรัตนโกสินทร์

- ผู้ชาย จะเรียนที่วัด เกี่ยวกับการอ่าน การเขียน และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา
- ไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียน แต่มีผู็หญิงบางส่วนที่อ่านออก เขียนได้
- ชนชั้นสูง จะเรียนเกี่ยวกับปรัชญาและเครื่องกล


สมัยใหม่

- เริ่มจาก รัชกาลที่5 มีการให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก เริ่มมีการนำการศึกษาตะวันตกมาปรับใช้ และมีการเลิกทาสเพื่อให้สิทธิในการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ที่ว่า
     "เจ้านายราชตระกูลตั้แต่ลูกฉันเป็นต้นไป ตลอดจนราษฎรที่ต่ำสุด จะได้มีโอกาสเล่าเรียนได้เสมอกัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่ เพราะฉะนั้น จึงขอบอกได้ว่าการเล่าเรียนในบ้านเมืองเรานั้น จะเป็นข้อสำคัญอันดับหนึ่ง ซึ่งฉันจะจัดให้เจริญขึ้นจงได้"
- พ.ศ. 2427 มีการจัดตั้ง"โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ"
- ในปัจจุบัน มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ทำให้ขอบเขตของการศึกษาเล่าเรียนทีเพิ่มมากขึ้น สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เด็กห่างไกลจากการท่องจำมากขึ้นด้วย และมีการติวเตอร์กันมากขึ้น
- "You are what you learn"
- "Teach less learn more"

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ปรัชญาการศึกษา

แบบทดสอบบทที่ 2

1.การจัดการศึกษาที่ไม่มีปรัชญาเป็นแนวทาง ท่านเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร จงอธิบาย

   ตอบ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากปรัชญาเปรียบได้ดั่งความมุ่งหมาย และการกระทำสิ่งใดๆที่ไร้จุดหมายย่อมไม่เป็นระบบ อาจนำมาซึ่งความล้มเหลวได้

2.ปรัชญากับการศึกษา ท่านคิดว่ามีความสัมพันธ์กันอย่าไร จงอธิบาย

   ตอบ ปรัชญานั้นเป็นแนวทางหรือวิธีการในการศึกษา หากไร้ซึ่งปรัชญา การศึกษาก็จะไม่บรรลุผลอย่างสมบูรณ์ 

3.จงวิเคราะห์การจัดการศึกษาของโรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน และการบริการทางการศึกษา ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ดำเนินการตามแนวคิดการศึกษาของปรัชญาจิตนิยม วัตถุนิยม ประสบการณ์นิยม อัตถิภาวะนิยม

   ตอบ จิตนิยม => กิจกรรมอาสาต่างๆ, การเรียนการสอนภาษาและดนตรี เป็นต้น

           วัตถุนิยม => การเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา เป็นต้น

           ประสบการณ์นิยม => การเข้าค่ายลูกเสือ, การทำโครงงาน เป็นต้น

           อัตถิภาวะนิยม => การเรียนการสอนเกี่ยวกับสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นต้น

4.จงบอกหลักการของปรัชญากลุ่มอนุรักษ์นิยม คือ สารัตถนิยม และนิรันตรนิยม เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

   ตอบ เหมือนกัน สารัตถนิยม มาจากการผสมระหว่างจิตนิยมกับสัจนิยม ซึ่งเน้นสติปัญญาและความคิด ส่วนนิรันตรนิยม เป็นสัจนิยมเชิงเหตุผล โดยการใช้ความคิดเชิงเหตุผลมาตัดสินสิ่งต่างๆ

5.จงบอกหลักการของปรัชญากลุ่มเสรีนิยม(liberal view) คือ พิพัฒนาการนิยม(progressive) และปฏิรูปนิยม(reconstructionism) เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

   ตอบ เหมือนกัน เพราะ ทั้งพิพัฒนาการนิยมและปฏิรูปนิยมต่างก็เน้นการได้ลงมือปฏิบัติจริง หรือที่เรียกว่า "ประสบการณ์"

6.จงอธิบายว่า ความดี ความงาม เป็นสิ่งที่วัดได้หรือไม่ จงอธิบาย

   ตอบ เป็นสิ่งที่วัดออกมาให้เป็นจำนวนหรือค่าว่ามีเท่าไรไม่ได้ แต่สามารถเปรียบเทียบกันได้ระหว่างสิ่ง2สิ่งโดยใช้ความรู้สึก

7.จงเขียนเรียงความเรื่อง โลกทัศน์ของข้าพเจ้าต่ออาชีพครู

   ตอบ "ผู้ที่ดีที่สุดในมวลสูเจ้านั้น คือผู้ที่ศึกษาอัลกุรอ่านและสอนอัลกุรอ่าน" จากอัลฮาดิษบทนี้ได้ตอกย้ำให้ฉันตระหนักในการศึกษาเล่าเรียน และผู้ที่มีความสำคัญในการศึกษาเล่าเรียนนั้นก็คือ ครูผู้สอน ผู้ซึ่งถ่ายทอดความรู้ต่างๆให้แก่เรา

            ฉันเกิดมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาอิสลาม ฉันโชคดีที่มีแม่เป็นครูสอนศาสนา ซึ่งสิ่งนั้นทำให้ฉันได้มองเห็นภาระหน้าที่ของผู้ที่เป็นครูมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยในตอนนั้นฉันคิดว่า การเป็นครูนั้นเหนื่อยมาก แต่เมื่อฉันโตขึ้นและได้มีโอกาสสัมผัสในจุดนั้น ทำให้ฉันรู้และเข้าใจในทันทีว่า ความเหนื่อยในการสอนมันคุ้มค่ากับผลที่ตามมา นั้นคือ ทำให้มีผู้ที่มีความรู้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนาไปในอีกระดับหนึ่งของมนุษย์ สังคม และประเทศชาติ และจากวันนั้นทำให้ฉันตัดสินใจที่จะศึกษาต่อปริญญาตรีในคณะครุศาสตร์

            ครู คือ ผู้เสียสละและผู้ให้ที่น่ายกย่องเชิดชู เพราะสิ่งที่คนเป็นครูสละและมอบให้แก่ลูกศิษย์นั้นมีค่ามากกว่าเงินทอง

8.ท่านคิดว่าปรัชญาตะะวันตกที่เหมาะสมใช้เป็นแนวทางการจัดการศึกษาของไทยมากที่สุด จงอธิบาย

   ตอบ ปรัชญาปฏิรูปนิยม เพราะปรัชญานี้ได้มุ่งเน้นเรื่องประสบการณ์ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในด้านต่างๆ นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการใช้ชีวิตในสังคม
9.ท่านคิดว่า พุทธปรัชญาจะมาพัฒนาการศึกษาของไทยได้อย่างไร จงอธิบาย
   ตอบ ได้ เนื่องจากพุทธปรัชญานั้นสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทย หากได้มีการศึกษาอย่างถ่องแท้แล้วย่อมบรรลุผลอย่างแน่นอน
10.ท่านคิดว่าปรัชญาที่จักการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ จงบอกชื่อและอธิบายการจัดการสอนที่ยึดหลักผู้เรียนเป็นสำคัญ มีวิธีการอย่างไร อธิบายยกตัวอย่าง
   ตอบ ปรัชญาพุทธนิยม ซึ่งปรัชญานี้ได้เน้นให้พัฒนาผู้เรียนในทุกๆด้าน โดยจัดให้ผู้เรียนเรียนตามความสนใจของตน และสิ่งที่เรียนนั้นสอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งครูจะมีหน้าที่เพียงแค่ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา เช่น การเรียนในสาขาวิชาชีพ เป็นต้น

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Myself

ชื่อ นางสาวซูอัยดะฮ์ พุทธพงค์
รหัสประจำตัวนักศึกษา 5881103006
ปรัชญา : "Be the best of what you can be" เป็นให้ดีที่สุดในสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้
ประวัติการศึกษา :
          ระดับอนุบาล (อ.1-อ.3) โรงเรียนนูรุลอิสลามบ้านลาหงา จังหวัดสตูล
          ระดับประถมศึกษา (ป.1-ป.2) โรงเรียนบ้านตะโละใส จังหวัดสตูล
                                      (ป.3-ป.6) โรงเรียนสตูลศานติศึกษา จังหวัดสตูล
          ระดับมัธยมศึกษา (ม.1เทอม1) โรงเรียนมุสลิมสันติธรรมมูลนิธิ(ปอเนาะทุ่งจีน) จังหวัดนครศรีธรรมราช
                                     (ม.1เทอม2-ม.6) โรงเรียนประทีปศาสน์(ปอเนาะบ้านตาล) จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ คณะครุศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
เหตุผลที่อยากจะเป็นครู : เพราะประทับใจคุณครูท่านหนึ่งที่สอนคณิตศาสตร์ในช่วงประถมปลาย จึงมีความคิดที่อยากจะเป็นครู และอาชีพครูก็เป็นอาชีพที่มีความมั่นคง มีความสำคัญ และมีเกียรติ
สิ่งที่อยากทำในอนาคต : เป็นครูที่ดีและมีคุณภาพ ทำให้ลูกศิษย์ชอบและสนุกที่จะเรียนรู้ สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้
บ้านอยู่ อำเภอละงู จังหวัดสตูล
สมาชิกในครอบครัวมีทั้งหมด 6 คน มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน(พี่ชาย 1 คน, น้องสาว 1 คน และน้องชาย 1 คน)
สิ่งที่ชอบ : สีฟ้า, ช็อคโกแล็ต, ฟังเพลง, แต่งภาพด้วยโปรแกรม photo shop
สิ่งที่ไม่ชอบ : สถานที่ที่มีคนเยอะๆและเสียงดัง

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการศึกษา

แบบทดสอบบทที่ 1

1.จงประมวลความหมายของคำว่า"การศึกษา" 5 นิยาม

   ตอบ - กระบวนการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ทั้งด้านจิตใจ เช่น อุปนิสัยใจคอ คุณธรรมจริยธรรม ทัศนคติ เป็นต้น และด้านความสามารถ เช่น ความคิด ร่างกาย ทักษะด้านต่างๆ เป็นต้น

         - การเจริญงอกงาม หรือ การจัดประสบการณ์ใหม่

         - การเรียนรู้ การค้นคว้าหาวิชาความรู้ หรือระบบการถ่ายทอดวิชาความรู้

         - กระบวนการถ่ายทอดทางวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม และความรู้

         - กระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้มนุษย์ปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้

2. คำว่า การศึกษา คือ กระบวนการเรียนรู้ ท่่านเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร จงอธิบาย

   ตอบ เห็นด้วย เพราะ การศึกษา คือ การหาวิชาความรู้ ซึ่งครอบคลุมอยู่ในกระบวนการเรียนรู้

3. ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาวิชาชีพครู จงให้คำนิยามการศึกษาตามความคิดเห็นของท่าน

   ตอบ การศึกษา คือ การหาวิชาความรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัว เพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆของมนุาย์

4. ความมุ่งหมายทั่วไป และความุ่งหมายเฉพาะ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

   ตอบ เหมือนกัน เนื่องจากความมุ่งหมายเฉพาะนั้นแยกย่อยมาจากความมุ่งหมายทั่วไป

5. ความมุ่งหมายคืออะไร ความมุ่งหมายการศึกษาระดับชาติ ความมุ่งหมายการศึกษาแต่ละระดับ ความมุ่งหมายระดับหลักสูตร และความมุ่งหมายระดับหมวด และความมุ่งหมายระดับการสอน มีความสัมพันธ์หรือแตกต่างกันอย่างไร

   ตอบ ความมุ่งหมาย คือ แนวคิดหรือเจตจำนงที่บุคคลกำหนดขึ้นไว้ล่วงหน้าในการกระทำใดๆ ซึ่งระดับของความมุ่งหมายแต่ละระดับมีความสัมพันธ์ ดังนี้ ความมุ่งหมายระดับชาติเป็นหลักใหญ่สูงสุด โดยสามารถแยกย่อยเป็นระดับต่างๆ ได้แก่ ความมุ่งหมายระดับการศึกษาที่มุ่งเน้นไปยังการศึกษาระดับต่างๆ ความมุ่งหมายระดับหลักสูตรเป็นระดับที่ถูกนำมาใช้ร่วมกับระดับการศึกษา ความมุ่งหมายระดับหมวดวิชาเป็นระดับที่ถูกใช้ร่วมกับระดับการศึกษาเช่นกัน แต่เน้นเฉพาะเจาะจงเป็นรายวิชา และความมุ่งหมายระดับการสอน ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับระดับต่างๆที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นอย่างมาก เพราะเป็นระดับที่จะทำให้ระดับต่างๆที่ผ่านมานั้นบรรลุผลตามความมุ่งหมาย

6. องค์ประกอบที่ใช้กำหนดความมุ่งหมายของการศึกษามีอะไรบ้าง จงอธิบาย

    ตอบ 1.ปรัชญาการศึกษา เป็นแนวทางที่จะกำหนดทิศทางให้การศึกษาเป็นไปในทางที่ต้องการ 

            2.จิตวิทยาการศึกษา เป็นปัจจัยที่ช่วยกำหนดความมุ่งหมายให้สอดคล้องกับความต้องการ

            3.การจัดการศึกษา เป็นวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามความมุ่งหมายของการศึกษา

            4.บริบทชุมชน เป็นปัจจัยที่จะกำหนดแนวทางการจัดการศึกษา

            5.ต่างประเทศที่มีความสัมพันธ์ ทำให้ทราบถึงผลกระทบของการจัดการศึกษาของประเทศต่างๆต่อการพัฒนาประเทศของเรา

             6.เทคโนโลยี เป็นผลทำให้การจัดการศึกษาสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

7.ทำไมการจัดการศึกษาไทยสมัยต่างๆจึงต้องกำหนดความมุ่งหมายการศึกษา ที่จะบ่งบอกความเป็นมาของการศึกษาไทยได้หรือไม่อย่างไร จงอธิบาย

   ตอบ ได้ เนื่องจากการจัดการศึกษานั้นจะต้องกำหนดให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในขณะนั้น

8. ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาวิชาชีพครู ท่านคิดว่าการศึกษามีความสำคัญต่อประเทศอย่างไร จงอธิบาย

   ตอบ การศึกษาเป็นสิ่งที่จะช่วยพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นในทุกๆด้านเนื่องจากการศึกษาเป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์มีศักยภาพทั้งทางด้านจิตใจและด้านกายภาพ

9. แนวคิดพุทธทาสภิกขุ ได้กล่าวว่า การศึกษาเพื่อให้มนุษย์จะมีโอกาสได้สิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่มนุษย์ควรจะได้โดยการทำลายซึ่งสัญชาตญาณอย่างสัตว์ แล้วมีการประพฤติกระทำอย่างมนุษย์ที่มีจิตใจสูงโดยสมบูรณ์ และสิ่งที่ดีที่สุดตามหลักศาสนาพุทธที่ว่า กินอยู่อย่างพอดี อย่ากินส่วนเกิน อย่าใช้ส่วนเกิน เพื่อจะให้เป็นไปได้อะไรอีกอันหนึ่งซึ่งสูงสุดเรียกว่า”บรมธรรม” และการศึกษาเพื่อธรรมาธิปไตยและเป็นเรื่องคนมีปัญญา ต้องมีปัญญาแท้จริงสูงสุด เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร จงอธิบาย

   ตอบ เห็นด้วย เนื่องจากการศึกษาเป็นสิ่งที่จะพัฒนาจิตใจมนุษย์ให้สูงกว่าสัตว์ และจิตใจที่ได้รับการพัฒนาให้สูงแล้วนั้น จะรู้จักควบคุมสิ่งต่างๆให้อยู่ในสภาวะที่พอดี

10. แนวคิดของนักการศึกษาไทยที่ท่านชื่นชอบมากที่สุด 1 ท่าน แสดงทัศนะของท่านต่อแนวคิดการจัดการศึกษาของไทย

   ตอบ แนวคิดพุทธทาสภิกขุ ได้กล่าว การศึกษาเพื่อให้มนุษย์จะมีโอกาสได้สิ่งที่ดีที่สุด เนื่องจากการศึกษานั้นจะทำให้จิตใจมนุษย์อยู่ในระดับที่สูงขึ้น ส่งผลให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดด้วย