วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การศึกษาโลก

  • คุยกับดำรง พุดตาล - ประเทศไทยไม่มีการวางแผนการศึกษาที่ชัดเจนและไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการศึกษามากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ได้ให้งบประมาณด้านการศึกษาเป็นอันดับที่ 1 แต่ประเทศไทยนั้นจัดให้งบประมาณด้านการศึกษาอยู่ในอันดับที่ 9 ด้วยเหตุนี้ทำให้การศึกษาไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ในระดับอาเซียน และการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยนั้นก็ไม่ได้ร่างหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมในปัจจุบัน ดังนั้น ณ ตอนนี้ประเทศไทยจะต้องเริ่มตระหนักถึงการพัฒนาการศึกษาอย่างจริงจัง  - โดยส่วนใหญ่ผู้ปกครองมักส่งเด็กไปเรียนยังโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับอำเภอหรือระดับจังหวัด ซึ่งเหตุนี้เกิดจากการไม่ทัดเทียมกันของการศึกษา และศักยภาพของครูก็เป็นสิ่งสำคัญ และควรส่งเสริมในเรื่องของการอ่าน เพราะการอ่านนั้นจะช่วยส่งเสริมด้านจินตนาการ

  • ขับเคลื่อนการศึกษาไทยสู่ประชาคมอาเซียน - การที่จะพัฒนาการศึกษานั้นจะต้องเริ่มจากการปรับความเข้าใจด้านการศึกษาตั้งแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องระดับสูงตลอดจนถึงผู้ปกครองและผู้เรียนด้วย ซึ่งการศึกษานั้นคือพลังในการขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังเป็นโอกาส เป็นบันไดให้เราไต่เต้าไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น การศึกษานั้นจะต้องศึกษาตลอดชีวิต เพื่อเป็นคนที่มีศักยภาพและนำมาปรับใช้ในชีวิต โดยการสอนการคิด, วิเคราะห์ให้แก่ผู้เรียน อย่าสอนเพียงแค่การท่องจำ เพราะปัจจุบันโลกต้องการบุคคลที่ทำหลายๆอย่างพร้อมกันได้  - ในปัจจุบัน โลกยังประสบปัญหาการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญและไม่กล้าแสดงออกถึงส่วนที่มี ต่างจากประเทศต่างๆที่มีพยายามหาหนทางเพื่อแก้ไขปัญหา และความกระตือรือร้นในการแสดงส่วนดีของตนมากขึ้น เช่น ประเทศมาเลย์เซียมีการผลักดันให้คนที่อยู่ในระดับกลางมีความกล้าที่จะแสดงออกทางความคิดมากขึ้น เพื่อให้ได้ความคิดที่หลากหลาย ตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่เริ่มขวนขวายสิ่งที่ต่างชาตินำมาเสนอมากจนเกินไป อีกประการหนึ่ง คือ ประเทศไทยนั้นมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้คนไทยหลงว่าการมีมาก ใช้มาก บริโภคมาก เก็บมาก นั้นคือ สิ่งที่ดี ทำให้เราควบคุมธรรมชาติเพื่อสนองความต้องการของตน ทั้งที่ความต้องการของมนุษย์นั้นไม่มีจุดสิ้นสุด ต่างจากในอดีตที่ตะวันตกมีแนวคิดที่จะควบคุมธรรมชาติ และตะวันตกนั้นมีคำสอนให้ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ- อาเซียนจัดตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์ให้ผู้คนหันเข้าหากัน ให้อยู่กันอย่างสามัคคี ประคับประคองให้มีสิ่งแวดล้อมและสุขภาพพลานามัยที่ดี ให้เข้าใจกัน และให้แลกเปลี่ยนความรู้กันและกัน โดยตั้งอยู่บน 3 เสาหลัก คือ มีค่านิยมร่วมกัน มีความมั่งคง และมีความสามัคคี อาเซียนเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสทางการประกอบอาชีพ 8 สาขา ได้แก่ แพทย์, ทันตแพทย์, พยาบาล, นักบัญชี, นักสำรวจ, วิศวกรรม, สถาปัตยกรรม และการบริการ ดังนั้นการเตรียมตัวเข้าสู้อาเซียนของคนไทยนั้น จะต้องเปลี่ยนแนวคิดในด้านต่างๆให้มีเหตุผลมากขึ้น พัฒนาด้านภาษาต่างประเทศอย่างจริงจัง สร้างความเป็นเลิศทางงวิชาการ ลดการนิยมทางวัตถุให้น้อยลง และที่สำคัญคือ อย่าจำกัดจุดยืนสูงสุดของตัวเอง
     "จงปีนป่ายภูเขาทุกลูก เดินทวนกระแสน้ำ ตามสายรุ้งทุกสาย จนกว่าเธอจะพบความฝันของเธอ"
    ภาพยนตร์เรื่อง The sound of music

  • การศึกษาไทยในประชาคมอาเซียน - ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของอาเซียน คือ อยู่ตรงกลางท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรม และยังเป็นจุดที่เปิดรับกระแสโลกาภิวัฒน์จากทุกทิศทาง  - อาเซียนเป็นการเปิดโอกาสให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ทำให้ช่องว่างทางการเงินระหว่างสมาชิกในอาเซียนลดลงและตั้งการพัฒนามาตรฐานให้เทียบเท่าสากล ซึ่งตอนนี้หลายบริษัทได้ทำการขยายธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ใน AEC ที่เท่ากับการขยายตลาดของไทยถึง 10 เท่า นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน  - อาเซียนได้รวมความแตกต่าง ความหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้อาเซียนเปรียบดั่งมีทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ และเป็นจุดที่สะท้อนความแตกต่างที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นอัตลักษณ์เดียวกัน นับเป็นความสวยงามอย่างหนึ่ง และอาเซียนจะต้องมีความมั่นคงในเรื่องศาสนา การศึกษา กีฬา สาธารณสุข ศิลปและวัฒนธรรม  - ณ ตอนนี้คนไทยพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วหรือยัง? เพราะฉะนั้นคนไทยจะต้องพัฒนาให้พร้อม ให้เก่ง ให้ดีในทุกๆด้าน และด้านที่สำคัญคือ ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่เปรียบดังกุญแจไขสู่อนาคต ซึ่งคนไทยยังคงยึดทัศนะคติผิดที่ว่า "ไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร" แท้จริงแล้วประวัติศาสตร์นั้นคือบทเรียนให้เราพัฒนาไปในวันข้างหน้า ดังนั้นครูผู้สอนจะต้องให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษ โดยไม่ใช่เพียงแค่สอนเนื้อหาแต่ในตำราเรียนที่เป็นภาษาไทย เพราะปัจจุบันโลกของอินเทอร์เน็ตนั้นส่วนใหญ่มีแต่ภาษาอังกฤษ แสดงว่าภาษาอังกฤษนั้นคือการเปิดโลกกว้างในกับเด็กๆ และต้องสอนให้คิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา ไม่เน้นการท่องจำ เพราะการคิดเป็น วิเคราะห์เป็น ทำให้ตัดสินใจในสิ่งต่างๆได้ด้วยตนเอง และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนที่สำคัญในการแข่งขันในอาเซียน
    "ภารกิจของครู คือ อนาคตของชาติ"

  • การศึกษาในประเทศสิงคโปร์ การศึกษาของสิงคโปร์นั้นเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก การศึกษาแบ่งได้ดังนี้  - ประถมศึกษา (1-4) เน้นการเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาทมิฬ และคณิตศาสตร์  ประถมศึกษา (5-6) แบ่งได้เป็นอีก 3 ระดับ โดยจะมีการสอบเพื่อวัดระดับการศึกษาและมีผลในการเข้าเรียนในมัธยมศึกษา  - มัธยมศึกษา แบ่งเป็น 2 ระบบ คือ 4 ปีและ 5 ปี  จากนั้น จะเข้ามหาวิทยาลัยหรือสายอาชีพ ซึ่งสายอาชีพนั้น เมื่อจบแล้วจะมีงานทำที่ตรงกับสาขาที่เรียนมา ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะต้องทดสอบ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์เป็นหลัก การใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนและการที่ค่าเล่าเรียนมีราคาถูก ทำให้มีนักศึกษาจากต่างประเทศนิยมมาเรียนในสิงคโปร์ แม้ค่าครองชีพจะสูงก็ตาม นอกจากนี้แล้ว สิงคโปร์ยังต้องการที่จะพัฒนาการศึกษาในเป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับมาตรฐานโลก ซึ่งเริ่มจากความเท่าดทียมกันทางการศึกษา โดยมียุทธศาสตร์ 7 ข้อดังนี้  1. มุ่งเน้นผลลัพธ์ทางการศึกษา  2. เน้นจิตสำนึก แรงจูงใจ การใฝ่รู้  3. ทุ่มทรัพยากรด้านเงินทุนทางการศึกษา  4. การบริหารจัดการแบบศูนย์รวม  5. หลักสูตรการเรียนการสอนที่เข้มข้น  6. ประเมินตนเองให้มากขึ้น  7. แรงสนันสนุนจากครอบครัวผู้เรียน

  • การศึกษาในประเทศเวียดนาม - เน้นการบูรณาการวิชากับภาษาต่างประเทศ ที่โดดเด่น คือ วิชาวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส- ประเมินเด็กเพื่อจัดระดับการศึกษา  - สภาบันการศึกษาต้องเปิดสอนอย่างน้อย 9 ชั้่วโมง/วัน  - ครูและเด็กจะร่วมกันออกแบบการเรียน ทำให้เด็กมีความตื่นตัวในการเรียน  - บูรณาการอาเซียนลงในวิชาภาษาต่างประเทศ  - มีการแลกเปลี่ยนนักเรียน เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กับนักเรียน

  • การศึกษาในประเทศลาว - ประเทศลาวได้เปลี่ยนระะบบการศึกษาจาก 5:3:3 (ประถมศึกษา1-5 : มัธยมศึกษา1-3 : มัธยมศึกษา4-6) เป็น 5:3:4 (ประถมศึกษา1-5 : มัธยมศึกษา1-3 : มัธยมศึกษา4-7) เพื่อพัฒนาการศึกษาให้เท่าเทียมกับประเทศอื่น และเตรียมพร้อมเข้าสู่อาเซียน ในประเทศลาวนั้นนักเรียนไม่คร่ำเคร่งกับการเรียน และไม่นิยมเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งนั่นทำให้มหาวิทยาลัยที่มีเพียง 3 แห่งของประเทศลาวมีความเพียงพอที่จะรองรับนักศึกษาได้ โดยส่วนใหญ่นักศึกษาจะเลือกเรียนในสาขาวิชาบริหารศาสตร์หรือคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ และในช่วงใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนจะนิยมติวหนังสือเป็นกลุ่ม หรือติวกับครูที่ทางโรงเรียนได้จัดไว้ให้ ไม่นิยมเรียนกวดวิชา เพราะมีค่าใช้จ่ายที่สูง  - อันดับการศึกษาในอาเซียน   1. สิงคโปร์   2. มาเลเซีย   3. บรูไนดารุสลาม   4. อินโดนิเซีย   5. ฟิลิปปินส์และกัมพูชา   7. เวียดนาม   8. ไทย   9. ลาว  - อาชัพในฝันของเด็กๆแต่ละประเทศ  ไทย : แพทย์  ครู  ทนายความ  พ่อครัว  นักธุรกิจ  สัตวแพทย์  สิงคโปร์ : ครู  แพทย์  นักบิน  พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน  ศิลปิน  มาเลเซีย : แพทย์  นักบิน  ตำรวจ  นักกฏหมาย  ครู  ฟิลิปปินส์ : อาชีพเกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจ การตลาด และเทคโนโลยีสารสนเทศ  เวียดนาม : การบริหาร  ธุรกิจ  การเงิน  เทคโนโลยีสารสนเทศ  วิทยาสาสตร์และวิศวกรรม  ลาว : มัคคุเทศน์  ครู  เจ้าหน้าที่บริาัทข้ามชาติ  นักการธนาคาร  นักธุรกิจ
    "ปัญญา ควบคู่ เทคโนโลยี"

  • การศึกษาในประเทศมาเลเซีย - ปรับหลักการสอนของศาสนาอิสลามรวมกับการศึกษาจากตะวันตก  - ต้องการพัฒนาการศึกษาให้อยู่ในระดับสูงสุด เพื่อที่จะเป็นผู้นำทางการศึกษา  - ผลักดันการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิสวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ให้มีสัดส่วนในการเรียน 60% เพราะวิชาดังกล่าวทำให้เด็กคิด วิเคราะห์ด้วยเหตุผล

  • การศึกษาในประเทศอินโดนิเซีย - เน้นบทเรียนที่สร้างความเป็นตัวตนในสังคม  - มีความพยายามในการจัดการศึกษาให้ทีความเท่าเทียมกันอย่างต่อเนื่อง

  • การศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์  ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในอาเซียนประเทศหนึ่ง ทำให้มีการเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมากมาย และผู้เรียนส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติทุกวัย และเน้นการสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น